1. คุกกี้แอ็ดเน็ทเวิร์ค คืออะไร
คุกกี้ส์ (Cookies)
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ คุกกี้ คือ ไฟล์ข้อความซึ่งประกอบด้วยข้อมูลขนาดเล็กซึ่งถูกดาวน์โหลดเข้าสู่อุปกรณ์ของคุณเมื่อคุณเข้าเว็บไซต์ คุกกี้มีประโยชน์อย่างยิ่งเนื่องจากช่วยให้เว็บไซต์จดจำอุปกรณ์ของผู้ใช้งานได้ พวกมันทำงานที่หลากหลาย เช่น ช่วยนำทางคุณไปยังหน้าต่างๆ จดจำหน้าเว็บไซต์ที่คุณชื่นชอบได้อย่างแม่นยำ และให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น ประเภทของคุกกี้มีดังต่อไปนี้:
ประเภทที่ 1: คุกกี้ส์จำเป็นถาวร (Strictly necessary cookies): มีความสำคัญเพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์และใช้งานคุณสมบัติต่างๆ ได้ เช่น การเข้าถึงพื้นที่เว็บไซต์ซึ่งถูกคุ้มกัน
ประเภทที่ 2: คุกกี้ส์ปฏิบัติการ (Performance cookies): เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น หน้าที่ผู้ใช้งานเข้าถึงบ่อยที่สุด และการรับข้อความที่ผิดพลาดจากหน้าเว็บ คุกกี้ประเภทนี้ถูกใช้เพื่อพัฒนาวิธีการทำงานของเว็บไซต์เท่านั้น
ประเภทที่ 3: คุกกี้ส์ระบบการทำงาน (Functionality cookies): ช่วยให้เว็บไซต์จดจำตัวเลือกของคุณ (เช่น ยูสเซอร์เนม ภาษา หรือเขตพื้นที่) และให้คุณได้พบกับคุณสมบัติส่วนบุคคลต่างๆ เพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น คุณอาจได้รับรายงานพยากรณ์อากาศจากเว็บไซต์ หรือข่าวการจราจร โดยการเก็บรักษาคุกกี้ข้อมูลเขตพื้นที่ซึ่งอยู่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน
ประเภทที่ 4: คุกกี้ส์จับเป้าหมายพฤติกรรม (Behavioural Targeting cookies): ใช้เพื่อจำกัดจำนวนครั้งการปรากฏของโฆษณา และช่วยในการวัดผลของโฆษณาดังกล่าว คุกกี้ส์เหล่านี้ถูกจัดวางโดยเน็ตเวิร์คโฆษณาซึ่งได้รับอนุญาตจากผู้ดำเนินการเว็บไซต์ บ่อยครั้งที่คุกกี้ส์จับเป้าหมายหรือคุกกี้ส์โฆษณาจะเชื่อมต่อกับระบบการทำงานของเว็บไซต์ซึ่งถูกทำขึ้นโดยองค์กรอื่น
คุณสามารถควบคุมและตั้งค่าคุกกี้ส์ในอุปกรณ์ของคุณได้ด้วยการตั้งค่าเบราว์เซอร์ โปรดดูวิธีการตั้งค่าคุกกี้ส์จากคู่มือการใช้งานเบราว์เซอร์ของคุณ
คุณสามารถควบคุมและตั้งค่าคุกกี้ส์ในอุปกรณ์ของคุณได้ด้วยการตั้งค่าเบราว์เซอร์ โปรดดูวิธีการตั้งค่าคุกกี้ส์จากคู่มือการใช้งานเบราว์เซอร์ของคุณ
2. อาญชญากรรมหมายถึงอะไร
อาชญากรรม คือ การกระทำที่ละเมิดต่อกฎหมายที่มีโทษทางอาญา
อาชญากร คือ ผู้กระทำผิดทางอาญาที่ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิดและได้รับโทษทางอาญา
สรุปได้ว่า อาชญากรรมในความหมายอย่างแคบ คือ พฤติกรรมที่เป็นการละเมิดต่อกฎหมายอาญาเท่านั้น โดยการพิจารณาพฤติกรรมการกระทำของบุคคลในสังคมตามข้อกำหนดของกฎหมายอาญาเท่านั้น ไม่ได้คำนึงถึงเจตนา หรือลักษณะของความผิดแต่อย่างใด
3. คุกกี้คัตเตอร์ คืออะไร
คุกกี้คือไฟล์ข้อมูลเล็กที่เว็บเซอร์ฟเวอร์จะทำการเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ซึ่งเตรียมไว้ใช้ในอนาคตซึ่งคุกกี้จะฝังไว้ในส่วนของคำสั่ง html โดยมีการรับและส่งจากทั้งเครื่อง เซอร์ฟเวอร์และคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ โดยที่คุกกี้อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถที่จะกำหนดข้อมูลในเว็บเองได้ เช่น การเก็บค่าข้อมูลสินค้าที่ได้ทำการเลือกจาก ผู้ใช้ ที่ใช้บราวเซอร์ในการซื้อสินค้าสินค้าจากเว็บเช่น การเก็บค่าข้อมูลสินค้าที่ผู้ใช้ได้ทำการเลือกซื้อจากเว็บไซต์นั้นๆ คุกกี้สามารถที่จะจดจำผู้ใช้ได้ แต่ไม่สามารถประมวลผล หรือส่งไวรัสได้และมีเพียงเซอร์ฟเวอร์ที่สร้างคุกกี้นั้นๆ ขึ้นเท่านั้นจึงจะสามารถ อ่านค่าของคุกกี้ดังกล่าวได้
จุดประสงค์ของการใช้ คุกกี้ : เนื่องจาก HTTP เป็นโปรโตคอลที่ไม่คงสถานะการเชื่อมต่อไว้ จึงทำให้ประสิทธิภาพในการกระจาย
การใช้งานของข้อมูลกับผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถทำได้ดี แต่ถ้าในมุมมองกลับกันก็จะพบว่าสิ่งนี้ทำให้เว็บแอพพลิเคชันยากที่จะตรวจสอบการทำงานของไคลเอนท์และจดจำข้อมูลของไคลเอนท์ทีมีการใช้งานกับเว็บแอพพลิเคชันของเซอร์ฟเวอร์ ดังนั้นคุกกี้จึงได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับสถานะของการเชื่อมต่อของ HTTP นี้อย่างไรก็ตามเว็บไซต์ในปัจจุบันนี้มีการทำงานที่เป็นแบบโต้ตอบมากขึ้นซึ่งส่วนมาก จะต้องใช้เซอร์ฟเวอร์ทำการระบุผู้ใช้เซอร์ฟเวอร์จะต้องรู้ว่าหน้าใดเป็นเพจสุดท้ายที่ผู้ใช้ทำงานและต้อง สามารถเก็บข้อมูลระหว่างการใช้งานต่างๆ ได้ คุกกี้จึงถูกนำมาใช้งานเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้ เช่น ID number หลังจากผ่านไปซักระยะหนึ่งเมื่อผู้ใช้กลับมาใช้งานในเว็บไซต์ใหม่เว็บไซต์นั้นก็จะสามารถระบุ ผู้ใช้ได้และจัดเตรียมหน้าที่เหมาะสมกับการใช้งานไว้ให้ทันที ชื่อคุกกี้มาจาก unix object ชื่อว่า magic cookies ซึ่งเป็น tokens ที่ติดอยู่กับผู้ใช้ หรือ โปรแกรม และเปลี่ยนแปลงตามพื้นที่การใช้งานของ ผู้ใช้และโปรแกรม บางทีคุกกี้อาจถูกเรียกว่า persistent cookies เนื่องจากว่ามันจะอยู่ในบราวเซอร์เป็นเวลานาน
ข้อจำกัดของคุกกี้ : มาตรฐานทั่วไปของบราวเซอร์จะสนับสนุนการใช้งานของ คุกกี้ ประมาณ 300 ตัว ดังนั้นตัวที่ 301 จะทำการเขียนข้อมูลแทนตัวแรก นอกจากนั้นขนาดของคุกกี้ แต่ละตัวจะต้องไม่เกิน 4 KB และใช้คีย์ได้ไม่เกิน 250 คีย์ ในคุกกี้แต่ละตัว อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ข้อกำจัดสำหรับการใช้งานจริง จะเกิดจากการมีจำนวน (ขนาด) ของคุกกี้เกินกำหนดมากกว่าข้อจำกัดอื่นๆจะต้องทำการเขียนคุกกี้ก่อนทำการเขียนhttpheaderซึ่งก็คือในหน้าที่ เขียนเว็บเพจที่ต้องการสร้างคุกกี้โดยต้องเขียนคุกกี้ก่อนส่วนของคำสั่งhtmlแต่อย่างไรก็ตามหากทำการกำหนด บัพเฟอร์คือใช้คำสั่งก็สามารถที่จะทำการสร้างคุกกี้ไว้ที่ใดก็ได้ภายในส่วนของคำสั่งhtmlเนื่องจากหากมีการ กำหนดบัฟเฟอร์แล้ว ก็จะไม่มีการเขียนค่าใด ๆทั้งสิ้นภายใน client browser จนกว่า code ทั้งหมดจะทำการ ประมวลผลเสร็จเสร็จโดยการที่เขียนต้องเขียนด้านล่างของและห้ามใช้underscoreหรือตัวอักษรพิเศษอื่นๆ
ในการกำหนดชื่อของ คุกกี้ เนื่องจากคุกกี้อาจจะไม่ทำงาน
จุดประสงค์ของการใช้ คุกกี้ : เนื่องจาก HTTP เป็นโปรโตคอลที่ไม่คงสถานะการเชื่อมต่อไว้ จึงทำให้ประสิทธิภาพในการกระจาย
การใช้งานของข้อมูลกับผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถทำได้ดี แต่ถ้าในมุมมองกลับกันก็จะพบว่าสิ่งนี้ทำให้เว็บแอพพลิเคชันยากที่จะตรวจสอบการทำงานของไคลเอนท์และจดจำข้อมูลของไคลเอนท์ทีมีการใช้งานกับเว็บแอพพลิเคชันของเซอร์ฟเวอร์ ดังนั้นคุกกี้จึงได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับสถานะของการเชื่อมต่อของ HTTP นี้อย่างไรก็ตามเว็บไซต์ในปัจจุบันนี้มีการทำงานที่เป็นแบบโต้ตอบมากขึ้นซึ่งส่วนมาก จะต้องใช้เซอร์ฟเวอร์ทำการระบุผู้ใช้เซอร์ฟเวอร์จะต้องรู้ว่าหน้าใดเป็นเพจสุดท้ายที่ผู้ใช้ทำงานและต้อง สามารถเก็บข้อมูลระหว่างการใช้งานต่างๆ ได้ คุกกี้จึงถูกนำมาใช้งานเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้ เช่น ID number หลังจากผ่านไปซักระยะหนึ่งเมื่อผู้ใช้กลับมาใช้งานในเว็บไซต์ใหม่เว็บไซต์นั้นก็จะสามารถระบุ ผู้ใช้ได้และจัดเตรียมหน้าที่เหมาะสมกับการใช้งานไว้ให้ทันที ชื่อคุกกี้มาจาก unix object ชื่อว่า magic cookies ซึ่งเป็น tokens ที่ติดอยู่กับผู้ใช้ หรือ โปรแกรม และเปลี่ยนแปลงตามพื้นที่การใช้งานของ ผู้ใช้และโปรแกรม บางทีคุกกี้อาจถูกเรียกว่า persistent cookies เนื่องจากว่ามันจะอยู่ในบราวเซอร์เป็นเวลานาน
ข้อจำกัดของคุกกี้ : มาตรฐานทั่วไปของบราวเซอร์จะสนับสนุนการใช้งานของ คุกกี้ ประมาณ 300 ตัว ดังนั้นตัวที่ 301 จะทำการเขียนข้อมูลแทนตัวแรก นอกจากนั้นขนาดของคุกกี้ แต่ละตัวจะต้องไม่เกิน 4 KB และใช้คีย์ได้ไม่เกิน 250 คีย์ ในคุกกี้แต่ละตัว อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ข้อกำจัดสำหรับการใช้งานจริง จะเกิดจากการมีจำนวน (ขนาด) ของคุกกี้เกินกำหนดมากกว่าข้อจำกัดอื่นๆจะต้องทำการเขียนคุกกี้ก่อนทำการเขียนhttpheaderซึ่งก็คือในหน้าที่ เขียนเว็บเพจที่ต้องการสร้างคุกกี้โดยต้องเขียนคุกกี้ก่อนส่วนของคำสั่งhtmlแต่อย่างไรก็ตามหากทำการกำหนด บัพเฟอร์คือใช้คำสั่งก็สามารถที่จะทำการสร้างคุกกี้ไว้ที่ใดก็ได้ภายในส่วนของคำสั่งhtmlเนื่องจากหากมีการ กำหนดบัฟเฟอร์แล้ว ก็จะไม่มีการเขียนค่าใด ๆทั้งสิ้นภายใน client browser จนกว่า code ทั้งหมดจะทำการ ประมวลผลเสร็จเสร็จโดยการที่เขียนต้องเขียนด้านล่างของและห้ามใช้underscoreหรือตัวอักษรพิเศษอื่นๆ
ในการกำหนดชื่อของ คุกกี้ เนื่องจากคุกกี้อาจจะไม่ทำงาน
4. ไฟร์วอลล์ หมายถึงอะไร
Firewall คืออะไร
Firewall คือ ระบบรักษาความปลอดภัยของเครื่องคอมพิวเตอร์ (อ่านว่า ไฟร์วอลล์) ไม่ให้ถูกโจมตีจากผู้ไม่หวังดีหรือการสื่อสารที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต รวมถึงเครือข่าย LAN ด้วย ซึ่งในปัจจุบัน Firewall มีทั้งอุปกรณ์ที่เป็น Hardware และ Software
Firewall คือ ระบบรักษาความปลอดภัยของเครื่องคอมพิวเตอร์ (อ่านว่า ไฟร์วอลล์) ไม่ให้ถูกโจมตีจากผู้ไม่หวังดีหรือการสื่อสารที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต รวมถึงเครือข่าย LAN ด้วย ซึ่งในปัจจุบัน Firewall มีทั้งอุปกรณ์ที่เป็น Hardware และ Software
หน้าที่ของ Firewall มีอะไรบ้าง
เมื่อเรามีระบบ Firewall ในเครื่องคอมพิวเตอร์ก็เหมือนกับการสร้างกำแพงให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา และเหลือประตูทางเข้าไว้เป็นทางผ่านของข้อมูลต่างๆจากเครือข่ายอื่น และตรงประตูนั้นจะมียามคอยรักษาการณ์อยู่คอยทำหน้าที่ตรวจสอบการเชื่อมต่อต่างๆให้เป็นไปตามกฏ ซึ่ง Firewall จะเป็นตัวกรองข้อมูลว่า ข้อมูลชนิดนี้คือ ใคร (Source) ตัวข้อมูลต้องการจะไปที่ไหน (Destination) และข้อมูลชิ้นนี้จะบริการอะไรหรือทำอะไร (Service/Port) ถ้ารู้สึกว่าข้อมูลไม่ปลอดภัยหรือมีความเสี่ยงที่จะมาทำความเสียหาย Firewall ก็จะทำหน้าที่กันไม่ให้ข้อมูลเข้าไปได้
เมื่อเรามีระบบ Firewall ในเครื่องคอมพิวเตอร์ก็เหมือนกับการสร้างกำแพงให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา และเหลือประตูทางเข้าไว้เป็นทางผ่านของข้อมูลต่างๆจากเครือข่ายอื่น และตรงประตูนั้นจะมียามคอยรักษาการณ์อยู่คอยทำหน้าที่ตรวจสอบการเชื่อมต่อต่างๆให้เป็นไปตามกฏ ซึ่ง Firewall จะเป็นตัวกรองข้อมูลว่า ข้อมูลชนิดนี้คือ ใคร (Source) ตัวข้อมูลต้องการจะไปที่ไหน (Destination) และข้อมูลชิ้นนี้จะบริการอะไรหรือทำอะไร (Service/Port) ถ้ารู้สึกว่าข้อมูลไม่ปลอดภัยหรือมีความเสี่ยงที่จะมาทำความเสียหาย Firewall ก็จะทำหน้าที่กันไม่ให้ข้อมูลเข้าไปได้
5. สนุ้ปแวร์ หมายถึงอะไร
(Snoopware) ซึ่งโปรแกรมนี้จะเก็บข้อมูลทุกอย่างที่คุณทำบนคอมพิวเตอร์ ซึ่งกฎหมายบางแห่งไม่ได้ระบุซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบเหล่านี้ เพียงเเค่บังคับให้ผู้ว่าจ้างจะต้องมีเอกสารแจ้งลูกจ้างว่าจะมีการใช้ซอฟต์แวร์เหล่านี้ และจะต้องเตือนด้วยข้อความที่ลูกจ้างมองเห็นได้ชัดขณะที่กำลังใช้งานซอฟต์แวร์นี้
6. เวิร์ม หมายถึงอะไร
Worm คือ มีการเรียกเป็นภาษาไทยว่า "หนอนอินเตอร์เน็ต" เป็น ไวรัสประเภทหนึ่งที่ก่อกวน สามารถทำสำเนาตัวเอง (copy) และแพร่กระจายไปยังเครื่องคอมฯ เครื่องอื่นๆ ได้ ทำให้คอมพิวเตอร์ ส่วนตัว และในระบบเครือข่ายเสียหาย ไวรัส วอร์ม นี้ปัจจุบันมีหลากหลายมาก มีการแพร่กระจายของ ไวรัสได้รวดเร็วมาก ทั้งนี้เนื่องจากไวรัส วอร์ม จะสามารถแพร่กระจายผ่านทางอีเมล์ได้
7. แฮกเกอร์ หมายถึงอะไร
แฮกเกอร์ (Hacker) คือ บุคคลที่มีความสนใจในกลไกการทำงานของระบบปฏิบัติการบนคอมพิวเตอร์อย่างลึกซึ้ง แฮกเกอร์ส่วนใหญ่ต้องมีความรู้เทียบเท่าหรือเหนือกว่าโปรแกรมเมอร์ โดยจะเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพวกเขามีความใส่ใจที่จะนำความรู้พื้นฐานที่ผู้อื่นมองว่าธรรมดามาประยุกต์ใช้ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดแนวความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ อยู่ในสังคมดิจิตอลอยู่ตลอดเวลา แฮกเกอร์จะมีความเข้าใจในจุดอ่อนของระบบและที่มาของจุดอ่อนนั้นๆ เนื่องจากคอยติดตามข่าวสารและความรู้ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา การกระทำใดๆ ที่เกิดจากการศึกษาของแฮกเกอร์จะต้องแน่ใจแล้วว่า ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ข้อมูล
8. แครกเกอร์ หมายถึงอะไร
แคร็กเกอร์ (อาชญากร) การก่ออาชญากรรมทางโลกไซเบอร์ มีลักษณะคล้ายกกับแฮกเกอร์แต่แตกต่างกันตรงความคิดและเจตณา แฮกเกอร์ คือผู้ที่นำความรู้ในการแฮกไปใช้ในทางที่มีประโยชน์ ส่วนแครกเกอร์ คือผู้ที่นำความรู้ในการแฮกไปใช้ในการทำความผิด เช่น การขโมยข้อมูล การทำลายข้อมูล หรือแม้กระทั่งการครอบครองคอมพิวเตอร์คนอื่น
9. โปรแกรมตรวจสอบไวรัส มีโปรแกรมอะไรบ้าง ตอบมาอย่างน้อย 5 โปรแกรม
1. AVG Antivirus Free Edition 2011: เป็นโปรแกรมที่สามารถป้องกันไวรัสและสปายแวร์ ตัวใหม่ๆ ได้ เช่น ไวรัสที่มากับ E-mail เพราะทุกวันนี้ไวรัสและสปายแวร์จะมีการอัพเดทความสามารถในการทำลายอยู่ตลอด ดังนั้นเราก็ควรอัพเดทโปรแกรมที่มีอยู่และอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่ๆ ของโปรแกรมอยู่ตลอดนะจ๊ะ ถ้ายังไม่มีโปรแกรมสแกนไวรัส ลองใช้โปรแกรมที่ติดอันดับต้นๆ ของการดาวน์โหลดอย่าง AVG Antivirus Free Edition 2011 มาลองใช้กันได้นะจ๊ะ
2. Avira AntiVir Personal Free Edition: สามารถกำจัดไวรัสได้มากว่า 300,000 ชนิด มีการอัพเดท ข้อมูลไวรัสในเครื่องของเราแบบอัตโนมัติ ทำให้โปรแกรมไม่ล้าหลัง และตามไวรัสตัวใหม่ๆ ได้ทัน โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบเล่นอินเทอร์เน็ต และชอบดาวน์โหลด ทั้งหลาย แต่บางทีเวลาที่เราสแกน โปรแกรมก็ชอบลบข้อมูลบางอย่างออกไปด้วย และไม่ค่อยซับพอร์ตโปรแกรมอื่นเท่าไหร่ค่ะ
3. Avast Free Antivirus: สามารถป้องกันไวรัส Spyware หรือ Malware ต่าง ๆ ที่แฝงตัวมากับเว็บไซต์ไม่ให้เข้ามาทำร้ายข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้ การสแกนสามารถสแกนได้ทั้งไฟล์ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ และสแกนขณะที่บู๊ตเครื่องก็ได้ค่ะ โดยโปรแกรมจะตรวจจับไวรัสและกำจัดไวรัสให้ทันทีที่พบ และในปัจจุบันโปรแกรมสามารถรองรับภาษาได้มากกว่า 19 ภาษา เป็นโปรแกรมที่มีขนาดเล็ก กระทัดรัด สามารถใช้งานได้ง่าย ที่สำคัญไม่หนักเครื่องด้วยนะจ๊ะ
4. PC Tools AntiVirus Free: โปรแกรมนี้ก็จะช่วยป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราไม่ให้ติดไวรัสได้ง่ายๆ ซึ่งเหมือนกับโปรแกรมสแกนไวรัสตัวอื่น ๆ สำหรับโปรแกรมนี้สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรี แต่ขนาดของไฟล์อาจจะค่อนข้างใหญ่ และอาจทำให้หนักเครื่องอยู่บ้างนะค่ะ
5. Microsoft Security Essentials: สำหรับโปรแกรมนี้ เป็นโปรแกรมที่สามารถตรวจสอบและกำจัดไวรัสหรือสปายแวร์ได้เกือบทุกรูปแบบ ไม่ว่าไวรัสจะเปลี่ยนสถานะในการเข้าถึงข้อมูลของเราเป็นอย่างไรก็ตาม โปรแกรมก็จะตรวจพบไวรัสได้อยู่ดี ถ้าใครยังไม่มีโปรแกรมสแกนไวรัสลองโหลดโปรแกรมตัวนี้ไปใช้ดูนะคะ เพราะเป็นโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมาโดยบริษัท Microsoft เองซึ่งน่าจะช่วยให้ผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ในระบบปฏิบัติการ Windows
10. การโจมตีเพื่อทำให้ปฏิเสธการบริการ หมายถึงอะไร
ในวิชาการคอมพิวเตอร์ การโจมตีโดยปฏิเสธการให้บริการ (อังกฤษ: denial-of-service (DoS) attack) เป็นความพยายามทำให้เครื่องหรือทรัพยากรเครือข่ายสำหรับผู้ใช้เป้าหมายใช้บริการไม่ได้ เช่น ขัดขวางหรือชะลอบริการของแม่ข่ายที่เชื่อมโยงกับอินเทอร์เน็ตอย่างชั่วคราวหรือถาวร ส่วน การโจมตีโดยปฏิเสธการให้บริการแบบกระจาย (อังกฤษ: distributed denial-of-service (DDoS) attack) คือการโจมตีดังกล่าวซึ่งแหล่งต้นทางเป็นเลขที่อยู่ไอพีมากกว่าหนึ่งหมายเลข และมักจะเป็นพันหมายเลข
อาชญากรผู้โจมตีมักมุ่งเป้าไปยังเว็บไซต์หรือบริการซึ่งตั้งอยู่ในเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่มีการเข้าชมสูงอย่างเช่น ธนาคาร เกตเวย์ชำระบัตรเครดิต โดยมีแรงจูงใจเบื้องหลังเป็นการแก้แค้น การแบล็กเมล หรือการเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นต้น